วันที่ ๒๐ เมษายน ย้อนหลังไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ คือวันที่สรีระสังขารของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ได้ถูกอัญเชิญขึ้นสู่จิตกาธาน ทางวัดสะแกจัดเตรียมโลงศพและอุปกรณ์ไว้เพื่อการถวายเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่ในท่ายืนตามความประสงค์ของท่าน
นับแต่วันที่หลวงปู่ละสังขารในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓ จนถึงวันที่พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ รวมระยะเวลา ๔๕๙ วัน หรือประมาณ ๑ ปี กับ ๓ เดือน ด้วยความรักความเคารพของศิษยานุศิษย์ จึงได้มีการจองเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายหลวงปู่ทุกๆ คืนมิได้ขาด แม้ดอกไม้สักการะหลวงปู่ก็สดใหม่อยู่เสมอ ล้วนสะท้อนให้เห็นความอาลัยรักในองค์หลวงปู่
ไม่แปลกเลยที่ศิษย์ที่เพิ่งรู้จักหลวงปู่ เคยได้รับความเมตตาจากหลวงปู่พลิกชีวิตที่มืดมนให้กลับเห็นแสงสว่างในชีวิต จะไม่อาจทำใจกับการจากไปของหลวงปู่ ถึงขั้นต้องยืนกอดเสากอดต้นไม้ร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่อายใครๆ
กรรมการและสมาชิกชมรมพุทธศาสน์ มธ. ร่วมเป็นกรรมการจัดงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ พวกเราร่วมกันจัดทำหนังสือที่ระลึก โดยใช้ชื่อว่า “พระผู้จุดประทีปในดวงใจ” นอกจากนี้ยังรับหน้าที่จัดเตรียมดอกไม้จันทน์ และดูแลความเรียบร้อยประจำจุดบนเมรุ
วันนั้น ผู้คนมากันแน่นมาก เสียงปี่พาทย์ในวันนั้นช่างบาดคมเข้าไปในใจ บีบเค้นใจให้ต้องหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดจะหักห้าม …ต่อแต่นี้ไป เราจะไม่ได้เห็น ไม่ได้สนทนากับหลวงปู่ดังแต่ก่อนอีกแล้ว หลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ท่านไม่เคยเรี่ยไร ไม่เคยหวังประโยชน์ใดๆ จากศิษย์ มีเพียงสิ่งเดียวที่ท่านขอจากเรา นั่นก็คือ “หมั่นทำเข้าไว้ๆ” เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรจะเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยให้แก่เราได้ มีเพียง “ตนที่ฝึกดีแล้ว” เท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง
ขอร่วมรำลึกถึงวันคล้ายวันถวายเพลิงสรีระสังขารแห่งหลวงปู่ดู่
“พอ” (๒๐ เมษายน ๒๕๕๘)