
๑) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ มีการมานั่งสวดคาถากันไหม ตอบว่าไม่มีเลย หลวงปู่มีแต่บอกให้หามุมนั่งหลับตาภาวนาเงียบๆ
๒) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ มีการเที่ยววางลูกแก้วตามที่ต่างๆ เพื่อช่วยปรับภพภูมิสัมภเวสีไหม ตอบว่าไม่เคยมี อันนี้ฟังดูแปลกมากๆ
๓) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ ท่านเน้นปรับภพภูมิสัมภเวสีหรือเน้นอะไร ตอบว่าท่านเน้นให้เราพัฒนาตนตามหลักไตรสิกขา และให้มีคุณธรรมต่างๆ เป็นต้นว่า ความกตัญญู และการรู้กาลเทศะ
๔) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ ท่านแต่งตั้งทายาทไหม เรื่องนี้เคยมีคนถาม ท่านตอบทันทีว่า “ไม่มี” (ถ้าจะมี ก็พึงพิจารณาเทียบเคียงเอาว่ามีปฏิปทาและคำสอนเหมือนหรือใกล้เคียงหลวงปู่ไหม)
๕) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ ท่านนิยมสวดอะไร ตอบว่า ท่านสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และบทสวดมนต์พิเศษในพระปริตรที่เรียกว่า ๗ ตำนาน และ ๑๒ ตำนาน (ใครเคยได้ยินเสียงหลวงปู่ให้พรยาวๆ นั่นแหละเป็นบางส่วนของสิ่งที่ท่านสวดเป็นประจำ)
๖) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ ท่านประกาศไหมว่าท่านเป็นองค์เดียวกับหลวงปู่ทวด ตอบว่าไม่เคย ท่านพูดแต่ว่าให้พวกเราถือหลวงปู่ทวดเป็นครูอาจารย์ ให้มีความเคารพ แม้ท่านเองก็เช่นกัน ขนาดจะสร้างรูปท่านคู่กับหลวงปู่ทวด หรือแม้แต่คู่กับพระอุปัชฌาย์ของท่านคือหลวงพ่อกลั่น ท่านก็ไม่ให้ทำ ท่านว่าไม่ควรตีตัวเสมอครูอาจารย์
๗) ในสมัยหลวงปู่ดู่ยังอยู่ ท่านลงอุโบสถบ้างไหม ตอบว่า เป็นวินัยที่ต้องลง เพียงแต่ด้วยสังขารและโรคประจำตัวคือโรคเหน็บชาที่เป็นอุปสรรคต่อการเดิน ท่านจึงมิได้ไปร่วมอุโบสถทุกครั้ง
๘) ทำไมหลวงปู่จึงไม่ให้บอกบุญ ตอบว่าท่านสงสารชาวบ้านที่มาวัดแล้วจะต้องลำบากใจ อีกประการหนึ่งการเรี่ยไรบอกบุญ จะทำให้เสียบรรยากาศในวัด เพราะสิ่งที่ท่านเน้นคือบรรยากาศแห่งการเจริญกรรมฐาน เรื่องทำบุญ คนที่เขามีศรัทธาเขาย่อมขวนขวายเองอยู่แล้ว ซึ่งการให้ทานด้วยศรัทธา ย่อมมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเพราะความเกรงใจ
๙) ในสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ ทำไมหลวงปู่ไม่อนุญาตให้หนังสือนิตยสารมาถ่ายภาพและเผยแพร่ ท่านว่าท่านไม่ต้องการโด่งดัง อีกอย่าง เคยมีคนเล่าว่าเห็นหนังสือเหล่านี้วางขายกับพื้น ท่านว่าอย่างนั้นเป็นบาป ท่านสลดใจ จึงไม่อนุญาต
๑๐) จริงหรือที่ว่าหลวงปู่สรงน้ำโดยไม่ใช้สบู่หรือแชมพูเลย ตอบว่าจริง
๑๑) จริงหรือที่หลวงปู่ไม่รับกิจนิมนต์ออกนอกวัดเลย ตอบว่าจริง (ยกเว้นเมื่อคราวที่ออกไปงานศพโยมพี่สาวที่เคยเลี้ยงดูท่านมา)
๑๒) จริงหรือที่หลวงปู่สั่งให้เผาท่านในท่ายืน ตอบว่าจริง ซึ่งในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารท่าน ทางวัดก็ได้ประกอบถังทรงกระบอก ๒ ถัง นำมาต่อกัน
๑๓) หลวงปู่บอกถึงปณิธานของท่านบ้างไหม ตอบว่า จากคำบอกเล่าของหลวงตาพวง พระอาวุโสที่เคยใกล้ชิดหลวงปู่พูดกับท่านว่า “รู้ไหม สิ่งเดียวที่ผมปรารถนา นั่นคือพระนิพพาน” ซึ่งจริงๆ ก็สอดคล้องกับคำขออุปสมบทที่ว่า เพื่อจะกระทำพระนิพพานให้แจ้ง (ข้อนี้พึงทราบว่าไม่ว่าสาวกภูมิหรือพุทธภูมิ ก็ล้วนมีจุดหมายที่พระนิพพาน)
๑๔) หลวงปู่กล่าวในเชิงยกย่องวัตถุมงคลรุ่นใดเป็นพิเศษไหม ตอบว่า ก็มีอยู่ สังเกตจากที่ท่านบอกศิษย์บางคนว่า รุ่นนั้นรุ่นนี้ (ที่ทางวัดกำลังให้เช่าบูชา) แกมีหรือยัง ถ้ายัง ให้ไปหาเช่าไว้สักองค์สององค์ แต่ไม่ขอกล่าวเพราะจะกลายเป็นการโปรโมทวัตถุมงคล อีกทั้งรุ่นไหนๆ ท่านก็ตั้งใจอธิษฐานทั้งนั้น เพราะท่านเคยบอกว่าคนเขาฝากชีวิตไว้ จะทำให้เสียชื่อไม่ได้ แต่เหนืออื่นใด พระที่ท่านยกย่องไว้ว่าเป็นที่สุด นั่นก็คือ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ (หมายถึงพระในใจที่เกิดจากการปฏิบัติภาวนา) ว่าเป็นพระเก่าพระแท้ เป็นพระที่ใครๆ ขโมยจากเราไปมิได้ และจะเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยแก่ตัวเรา
ท้ายสุดนี้ บางเรื่องที่หลวงปู่มิได้พาทำ มิได้สรุปว่าไม่ดี อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญาพิจารณาเทียบเคียงกับหลักคำสอนทางพุทธศาสนาเอาเอง เพียงแต่ควรกล่าวที่มาให้ชัดเจน ไม่ควรกล่าวอ้างให้คนเข้าใจผิดว่าหลวงปู่พาทำ
“พอ” (๑๕ เมษายน ๒๕๖๔)