งานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่ดู่ จัดขึ้นเมื่อ ๒๐ เม.ย. ๒๕๓๔ หลวงน้าดำ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และครูใหญ่โรงเรียนวัดสะแก เป็นแม่งานในการจัดพิธี ลุงสิทธิ์กับเพื่อนๆ ชมรมพุทธ มธ. รับผิดชอบ ๒ งาน คือ จัดทำหนังสือที่ระลึก (หนังสือพระผู้จุดประทีปในดวงใจ) และจัดหาดอกไม้จันทน์
ในวันงาน ทางผู้ใหญ่ที่ดูแลงานพิธี ประกาศชัดเจนว่าอัฐิหลวงปู่ทั้งหมดจะเก็บไว้เป็นของส่วนกลางที่เดียว จะไม่มีการแบ่งแจกคณะใดๆ อย่างบางวัด
ในตอนเย็น ก่อนที่จะเริ่มจุดไฟเผา มีเรื่องวุ่นๆ เพราะจับตัวคนร้ายได้ เป็นชายหนุ่มที่พยายามจะขโมยฟันจากร่างหลวงปู่ (ร่างหลวงปู่ถูกจัดในท่ายืนอยู่ในถังโลหะทรงกลม) ทราบคร่าวๆ ว่าได้รับจ้างจากใครสักคนให้มาลักเอาฟันหลวงปู่ สรุปว่าทำการไม่สำเร็จ
เช้าวันรุ่งขึ้น ได้ข่าวว่าคุณวรวิทย์ (ผู้ดำริสร้างเหรียญรุ่นเปิดโลก) เป็นผู้โชคดีที่เดินมาพบเด็กชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งมาที่เมรุตั้งแต่เช้ามืด และเก็บเศษอัฐิหลวงปู่ที่กระเด็นออกมาจากถัง รวมใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ ถ้าจำไม่ผิด เขาเสนอขาย ๑ ร้อยบาท ก็เป็นอันตกลง ซึ่งนอกจากคุณวรวิทย์แล้ว ก็ยังมีผู้โชคดีที่ได้มีผู้เก็บเศษอัฐิมาบอกขายให้คือคุณเมธาฯ (ผู้เรียบเรียงหนังสือไตรรัตน์) เป็นต้น
ลุงสิทธิ์ถือว่าธรรมะจัดสรร เพราะคุณวรวิทย์เป็นศิษย์รักของหลวงปู่ ที่นอบน้อมต่อหลวงปู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าหลวงปู่จะแสดงความเมตตาอย่างไร คุณวรวิทย์ก็ให้ความยำเกรง ไม่เคยลามปามหลวงปู่แม้แต่น้อย อีกทั้งคุณวรวิทย์ก็เป็นผู้ที่พาลุงสิทธิ์ รวมทั้งเพื่อนๆ สมาชิกชมรมพุทธ มธ. ไปกราบหลวงปู่ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว
แม้ทางวัดจะไม่มีนโยบายแจกอัฐิหลวงปู่ แต่สำหรับเถ้าอังคาร ทางหลวงน้าดำ ท่านจัดใส่ซองเล็กๆ มอบให้กับผู้ที่ช่วยงานวัด ลุงสิทธิ์เองก็ได้รับในส่วนเถ้าอังคาร ซึ่งบางส่วนจะมีเศษอัฐิชิ้นเล็กๆ ติดมาบ้าง แต่ชิ้นก็เล็กมากๆ
สำหรับอัฐิหลวงปู่ที่ขึ้นพระธาตุ ที่ลุงสิทธิ์นำมาลงในหนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครูฯ นั้น สันนิษฐานว่าเป็นชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะ เป็นชิ้นน้อยๆ ที่ปนกับเถ้าอังคารซึ่งหลวงน้าดำได้มอบให้กับศิษย์ท่านหนึ่ง และศิษย์ท่านนั้นมอบต่อให้กับลุงสิทธิ์ ผ่านไปกว่า ๑๐ ปี ตอนจะทำหนังสือ เปิดผอบดู จึงได้เห็นพระธาตุเป็นตุ่มใสงอกออกมา (บางตุ่มก็ยังขุ่นอยู่)
นอกจากนี้ พบว่าถังโลหะที่บรรจุร่างหลวงปู่ ทางวัดนำไปทิ้งที้ป่าช้า แต่หลวงน้าสายหยุด เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงไปผาติกรรม (ชำระหนี้สงฆ์) แล้วนำมาล้างทำความสะอาด จึงพบว่ามีเศษอัฐิหลวงปู่อยู่ตามซอก จึงได้นำมาสักการบูชา ทราบว่าได้แบ่งให้คุณมานพ เลิศอิทธิพร ไปบูชาด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมะจัดสรรอีกเช่นกัน เพราะคุณมานพก็เป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ที่อุปการะทางวัดอย่างมาก
เล่าสู่กันฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ศรัทธาหลวงปู่ที่มาภายหลัง