ป้าสอิ้งเป็นหนึ่งในบรรดาศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ดู่ ป้าสอิ้งมีบ้านไม่ไกลจากวัด จึงมาวัดได้บ่อยๆ ด้วยความที่เป็นคนมีใจนักเลง เวลาทำอะไร จึงมีจิตมุ่งมั่นทำจริง มาปฏิบัติกรรมฐานก็ทำจริงๆ จังๆ ภายหลังจึงกลายเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งในการช่วยแนะนำกรรมฐานให้กับผู้มาใหม่
ป้าสอิ้งเป็นผู้มีจิตออกรู้ออกเห็น เช่น เห็นผี เห็นเทวดา รวมทั้งการสัมผัสบารมีพระในวัตถุมงคล เวลาสัมผัสได้ ขนที่แขนแกจะลุกตั้ง เห็นชัดเจน
วันหนึ่ง ป้าสอิ้งได้เล่าให้ผมฟังถึงกรรมไม่ดีที่แกทำไว้ในสมัยที่ยังไม่เข้าวัดปฏิบัติธรรม ซึ่งทำให้แกเสียใจจนทุกวันนี้ นั่นก็คือ สมัยที่แกหาอยู่หากินในท้องไร่ท้องนา ด้วยความไม่รู้บุญรู้บาป และด้วยความคะนอง แกจะมีเหล็กแหลมถือไว้ในมืออันหนึ่ง เวลาเดินไปเจอปูนาที่ตรงไหน แกก็จะเอาเหล็กแหลมแทงไปที่กระดองของมัน แกฆ่าปูด้วยความสนุกทุกวี่ทุกวัน
แกมาระลึกถึงกรรมอันนี้ รวมทั้งที่แกเคยทำให้วัวต้องทุกข์ทรมานจนตาย (ดังที่เล่าในโพสต์ก่อนหน้านี้) แล้วก็เสียใจ ได้แต่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
คนที่มาปฏิบัติธรรมจนจิตใจอ่อนโยนลงย่อมเป็นผู้ตระหนักในความสำคัญของทุกชีวิต ว่าทุกชีวิตล้วนรักสุข เกลียดทุกข์ ด้วยกันทั้งสิ้น
ป้าเล่าว่าเพราะป้ายากจน ต้องใช้ชีวิตอยู่กับท้องไร่ท้องนา แล้วก็ไม่เคยมีใครมาสอนให้รู้บาปบุญคุณโทษ ป้าถึงได้ทำกรรมที่ต้องเสียใจในภายหลัง กระทั่งได้มาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ หลวงปู่ท่านสอนทุกสิ่งอย่างที่จะทำให้ป้าเป็นคนดี รักในศีล และรักในการทำกรรมฐาน
แม้ป้าสอิ้งจะจากไปหลายปีแล้ว แต่เรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์ของป้า จะยังคงเป็นประโยชน์ต่ออีกหลายๆ ชีวิต จึงขอบันทึกและเผยแพร่ไว้ ณ ที่นี้
“พอ” (๖ กันยายน ๒๕๖๑)
(ในรูป ป้าสอิ้งกำลังเตรียมตัวที่จะกราบและสรงน้ำหลวงปู่)